Home » บทความเรื่องน่ารู้ » ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในการใช้งานเทอร์โมคัปเปิ้ล (Thermocouple)

ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในการใช้งานเทอร์โมคัปเปิ้ล (Thermocouple)

แชร์หน้านี้ Line

        ในอุตสาหกรรมนิยมใช้เทอร์โมคัปเปิ้ลอย่างแพร่หลาย ซึ่งการเลือกใช้เทอร์โมคัปเปิ้ลให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งานนั้นมีความสำคัญต่อความสามารถในการทำงานของเทอร์โมคัปเปิ้ลแต่ละชนิด นอกจากการเลือกใช้เทอร์โมคัปเปิ้ลที่ไม่เหมาะสมนั้นยังมีอีกหลากหลายสาเหตุที่ทำให้ผลการวัดมีความผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนไปจากค่าจริงที่ควรจะวัดได้ ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในการใช้งานเทอร์โมคัปเปิ้ลมีดังนี้

        1. การกำหนดประเภท(Type) ของเทอร์โมคัปเปิ้ลที่หน้าจอแสดงผล(Indicator) ไม่ถูกต้องกับชนิดของเทอร์โมคัปเปิ้ลที่ใช้งานอยู่ เช่น ในกรณีที่มีการติดตั้ง Thermocouple Type K เพื่อทำการวัดค่าอุณหภูมิ ณ จุดที่ต้องการทราบ แต่พอมีการเชื่อมสายเข้ากับตัวหน้าจอแสดงผลแล้ว กลับกำหนดให้ประเภทของเซนเซอร์ที่ใช้เป็น Thermocouple Type T หรือ Type อื่นๆ จะทำให้ผลการวัดไม่ถูกต้องกับค่าจริงที่วัดได้ 

        แนวทางการแก้ไข : ทำการตรวจเช็คให้แน่ในว่าประเภทของ เทอร์โมคัปเปิ้ลที่เราเอามาติดตั้งนั้นเป็นประเภทไหนพร้องทั้งตรวจเช็คให้แน่ใจว่าหน้าจอแสดงผลมีการกำหนดประเภทของเซนเซอร์ได้ถูกต้องกับประเภทเซนเซอร์นั้นๆแล้วจริงๆ

        ข้อควรระวัง : เทอร์โมคัปเปิ้ลบางชนิดอาจให้ค่าความต่างศักย์ที่ใกล้เคียงกันมากที่อุณหภูมิห้อง ทำให้เมื่อกำหนดประเภทของเซนเซอร์ผิด ณ จุดที่เป็นอุณหภูมิไม่สูงมาก จะทำให้ไม่ทราบถึงความผิดพลาดในการวัดได้ เช่น Thermocouple Type K กับ Thermocouple Type T มีค่า mV ที่แสดงออกมาที่อุณหภูมิห้องใกล้เคียงกันมาก การกำหนดประเภทของ Thermocouple ผิดระหว่าง 2 ประเภทนี้นั้นจึงไม่เห็นความแตกต่าง แต่ความแตกต่างจะเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่ออุณหภูมิที่วัดของหัวเซนเซอร์สูงขึ้น

        2. การต่อสายเทอร์โมคัปเปิ้ลสลับขั้ว เทอร์โมคัปเปิ้ลแต่ละประเภทนั้นจะมีสีตามมาตรฐานกำหนดไว้ ซึ่งสีนั้นจะมีการกำหนดไว้ว่าสีไหนเป็นขั้วบวก หรือขั้วลบ การติดตั้งสายของเทอร์โมคัปเปิ้ลนั้นจำเป็นต้องต่อสายให้ตรงกับขั้วที่กำหนด หากมีการสลับขั้วเกิดขึ้นจะทำให้ผลการวัดนั้นผิดพลาดจากความป็นจริง ซึ่งจะสามารถสังเกตได้จากค่าที่อ่าน จะพบว่าค่าที่อ่านได้จะมีค่าต่ำกว่าค่าที่จุดวัดมากกว่าค่าความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากเซนเซอร์อยู่พอสมควร ซึ่งการต่อสายสลับขั้วนี้จุดต่อสายนั้นจะถือเป็นจุดวัดจุดใหม่ทันที ทำให้ค่า mV ที่ได้จากจุดที่ต้องการวัดจริงถูกหักล้างออกด้วยจุดวัดใหม่ ซึ่งสุดท้ายแล้วผลที่วัดได้จะมีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น

        แนวทางแก้ไข : หากกรณีที่ต้องมีการลากสายจากจุดวัดไปยังจุดที่ต้องการแสดงอุณหภูมินั้นอยู่ใกลกันมากๆ ควรตรวจสอบจุดเชื่อมต่อแต่ละจุดของสายเทอร์โมคัปเปิ้ลให้ดี ให้ตรงกับขั้วที่มาตรฐานกำหนดไว้ 

        ข้อควรระวัง : การลากสายเทอร์โมคัปเปิ้ลนั้นหากสามารถหลีกเลี่ยงจุดที่มีความแตกต่างอุณหภูมิมากๆได้ เช่น ถ้าจุดวัดมีอุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียส แต่ต้องลากสายจากจุดที่ต้องการวัดผ่านห้องที่อุณหภูมิ 23 องศาเซลเซียส แล้วต้องลากผ่านไลน์การผลิตที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส ก่อนที่จะเชื่อมสายเข้ากับหน้าจอแสดงผลที่ห้องที่มีอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส การลากสายแบบนี้จะทำให้ผลการวัดมีความผิดพลาดได้สูง เนื่องจากมีความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างการลากสายมากเกินไป

        3. การนำเอาสายชนิดอื่นมาต่อจากหัววัดเทอร์โมคัปเปิ้ลไปยังหน้าจอแสดงผล ดังที่กล่าวมาในเรื่องหลักการทำงานของเทอร์โมคัปเปิ้ล  จะไม่สามารถนำเอาสายชนิดอื่นหรือประเภทของสายแบบอื่นตามเป็นสายเชื่อมจากหัววัดอุณหภูมิไปยังหน้าจอแสดงผลได้ เนื่องจากเป็นโลหะต่างชนิดกัน ทำให้ผลการวัดมีความคลาดเคลื่อนได้สูงมากควรมีการตรวจเช็คและตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าสายที่จะนำมาใช้งานนั้นเป็นชนิดเดียวกันกับหัววัดที่ใช้งานอยู่จึงจะสามารถนำมาใช้งานได้

        แนวทางแก้ไข : หากพบว่าสายที่นำมาใช้เป็นสายเชื่อมต่อนั้นเป็นสายคนละชนิดกัน ควรท่ีจะมีการเปลี่ยนสายให้เป็นสายชนิดเดียวกันเพื่อลดความสูญเสียของกระบวนการผลิตที่ต้องใช้ความถูกต้องของอุณหภูมิ ณ จุดวัด

        รายละเอียดปัญหาที่พบของการใช้งานของเทอร์โมคัปเปิ้ลที่กล่าวมาเป็นสาเหตุหลักๆบางสาเหตุที่อาจทำให้ผลการวัดมีความคลาดเคลื่อน ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการวัด ซึ่งหากท่านผู้ใช้งานพบปัญหาจากกระบวนการวัดที่เกิดขึ้นสามารถปรึกษาทางบริษัท เอเอ็นพี เมโทรโลยี พรีซิชั่น จำกัดได้ฟรี ทางบริษัทเรามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยท่านหาทางออกที่ถูกต้องและเหมาะสมกับกระบวนการวัด เพื่อพัฒนาระบบการวัดให้มีความถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

        Key Word : ปัญหาที่พบของการใช้งานเทอร์โมคัปเปิ้ล, การต่อสายเทอร์โมคัปเปิ้ล